วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้ เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้

เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568


     มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้ เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 ต่อเนื่องเป็นแห่งที่ 2 ณ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี

     มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก และ ดร.เสาวนีย์ เตชะไพบูลย์ ภริยาประธานกรรมการ จัดพิธีแจกข้าวสารพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภค เนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 ให้กับประชาชนผู้ยากไร้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จำนวน 2,500 ชุด สิ่งของที่แจกประกอบด้วย ข้าวสาร บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำปลา น้ำมันพืช และขนม บรรจุถุงผ้ามูลนิธิฯ พร้อมมอบค่าพาหนะคนละ 200 บาท ซึ่งในปีนี้จัดค่าพาหนะเพิ่มขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ยากไร้ สอดรับกับค่าครองชีพในปัจจุบันที่เพิ่มขึ้น โดยมี นายธวัชชัย ศรีทอง ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วย แพทย์จีนสมชาย จิรพินิจวงศ์ รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์ คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว, คณะพุทธสมาคมเพียวเยี้ยงไท้ ศรีราชา, เครือสหพัฒน์, บริษัท แปซิฟิคพาร์ค ศรีราชา จำกัด, บริษัท เบสท์แฟคตอรี่ เอาท์เล็ท จำกัด, สนามกอล์ฟบีเอสซี พร้อมด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ร่วมในพิธี ณ บริเวณคลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา จังหวัดชลบุรี เมื่อวันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

     และในวันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2568 มูลนิธิฯ มีกำหนดการแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคให้แก่ผู้ยากไร้ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ รวมทั้งมอบให้แก่องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคเนื่องในประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568 แก่ประชาชนทั้งสิ้น 3 จังหวัด คิดเป็นมูลค่า 15.5 ล้านบาท

     ประเพณีทิ้งกระจาด  เป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยมูลนิธิฯ ได้ปฏิบัติสืบเนื่องมาไม่ต่ำกว่า 80 ปี เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้วทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้ ในช่วงประเพณีแต่ละปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จะมีผู้มีจิตศรัทธานำเครื่องเซ่นไหว้ อาทิ ข้าวสารอาหารแห้ง และอื่น ๆ มากราบสักการะหลวงปู่ และองค์ไต่สือเอี้ย เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศล และสะเดาะเคราะห์ ซึ่งมูลนิธิฯ จะรวบรวมไว้ไปสมทบกับสิ่งของที่มูลนิธิฯ จัดซื้อเพิ่มเติม เพื่อนำไปแจกจ่ายแก่ผู้ยากไร้ โดยมูลนิธิฯ ได้มีการพัฒนาแจกจ่ายสิ่งของเครื่องใช้ ให้เข้ากับการใช้งานในแต่ละยุคแต่ละสมัย

     ติดต่อสอบถาม และติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung หรือที่สายด่วนป่อเต็กตึ๊ง 1418

     มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอบุญบารมีองค์หลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ผู้มีจิตศรัทธา เจ้าหน้าที่  อาสาสมัคร และครอบครัวของทุกท่าน ที่มีส่วนร่วมในงานมหาบุญมหากุศลนี้มีความสุข ความเจริญ สุขภาพร่างกายแข็งแรงตลอดปี ตลอดไป

“มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานมหาบุญ ในงาน "ประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568"

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานมหาบุญ 

ในงาน "ประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568"

     มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอเชิญผู้มีจิตศรัทธาร่วมงานมหาบุญ ในงาน "ประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568" ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ พร้อมทำทานให้ผู้ยากไร้ ระหว่างวันนี้ - 19 กันยายน พ.ศ. 2568  

โดยสามารถร่วมทำบุญได้ตามช่องทางดังนี้ :-

🔸สักการะหลวงปู่ไต้ฮงและทำบุญบริจาคข้าวสาร ได้ที่ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ 

📍วันที่ 23 สิงหาคม - 17 กันยายน 2568 เวลา 07.00 - 19.00 น.

📍วันที่ 18 กันยายน 2568 เวลา 07.00 - 16.00 น.

🔸 ทำบุญบริจาคข้าวสารผ่านเว็บไซต์ทิ้งกระจาดออนไลน์ :  https://pttfny.net/newsh 

🔸โอนผ่าน บ/ช ออมทรัพย์ชื่อ บ/ช มูลนิธิฮั่วเคี้ยวป่อเต๊กเซี่ยงตึ้ง หรือมูลนิธิปอเต็กตึ้ง

- ธ.กสิกรไทย เสือป่า เลขที่ 027-2-07939-0

- ธ.กรุงเทพ พลับพลาไชย เลขที่ 001-0-00370-5

- ธ.กรุงไทย ราชวงศ์ บี เลขที่ 004-1-00811-1

- ธ.ไทยพาณิชย์ เฉลิมนคร เลขที่ 037-2-56513-4

- ธ.กรุงศรีอยุธยา สามแยก เลขที่ 046–1-00810-9

- ธนาคารทหารไทยธนชาต เลขที่ 091-2-28500-4

     กำหนดแจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้ :-

🔹วันที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 10.00 - 12.00 น. ที่สุสานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ต.โรงเข้ อ.บ้านแพ้ว # จังหวัดสมุทรสาคร

🔹วันที่ 12 กันยายน 2568 เวลา 10.00 - 12.00 น. ที่คลินิกการประกอบโรคศิลปะ สาขาการแพทย์แผนจีนหัวเฉียว สาขาศรีราชา # จังหวัดชลบุรี

🔹วันที่ 19 กันยายน 2568 เวลา 06.00 - 12.00 น. ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย #กรุงเทพฯ

# ทิ้งกระจาดมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง # สักการะหลวงปู่ไต้ฮง  

# ทำบุญให้ผู้ล่วงลับทำทานให้ผู้ยากไร้


 

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568

"บขส." เปิดตัวรถโดยสารใหม่ มาตรฐานยุโรป Euro 5 พร้อมโชว์ชุดพนักงานต้อนรับ โทนสีชมพูสดใส

"บขส." เปิดตัวรถโดยสารใหม่ มาตรฐานยุโรป Euro 5

พร้อมโชว์ชุดพนักงานต้อนรับ โทนสีชมพูสดใส 

ยกระดับขนส่งสาธารณะ สะดวก สบาย ปลอดภัย 

ระบุรถโดยสารใหม่จะทยอยวิ่งให้บริการประชาชนภายในเดือนกันยายนนี้


     นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ ประธานกรรมการ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เป็นประธานงานเปิดตัวรถโดยสารใหม่ "Change For The Better : เปลี่ยนเพื่อสิ่งที่ดีกว่า" โดยมี นายอรรถวิท รักจำรูญ  กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) คณะกรรมการบริษัทฯ ผู้บริหารหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน อาทิ กรมการขนส่งทางบก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย การถไฟแห่งประเทศไทย องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ บริษัท รถไฟฟ้า ร ฟ.ท. จำกัด การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย โดย นายสหรัฐ โพธิโต รองผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกรุงเทพ สมาคมท่องเที่ยวต่างๆ  อาทิ สมาคมส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวไทย (สธทท.) โดย ดร.สุเทพ อารมณ์รักษ์, คุณอนัญญา แก้วชินพร อุปนายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย คุณจิรภัทร แก้วชินพร ประชาสัมพันธ์ สมาคมฯ คุณพรปวีณ์ วิชิตนาค และคุณพิมลวรรณ ครองสิงห์ ที่ปรึกษาสมาคมฯ ตัวแทนนายวัสน์พล อรรถพรธนเสฐ นายกสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย, คุณศศิวัณย์ ศรีพรหม สมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวจังหวัดพิษณุโลก สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1, สำนักข่าวท่องเที่ยวและสิ่งแวดล้อม โดยนายกันตพงษ์ ธนเนืองโรจน์ ผู้อำนวยการใหญ่สำนักข่าวฯ, สื่อมวลขน และอินฟลูเอนเซอร์ เข้าร่วมจำนวนมาก ณ บริเวณชานชาลา 2 ด้านทิศใต้ อาคารสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568


     นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. เปิดเผยว่า บขส. ได้เปิดตัวภาพลักษณ์ในรูปแบบของรถโดยสาร ชุดพนักงานต้อนรับ พนักงานขับรถหญิง ซึ่งมาในโทนสีชมพู ซึ่งบ่งบอกถึงความอบอุ่น สดใส อ่อนโยน และเป็นมิตร ตอบโจทย์ความต้องการของผู้โดยสารยุคใหม่ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับด้านการบริการของการเดินทางโดยรถโดยสารสาธารณะ ที่มีความทันสมัย สะดวกสบาย และปลอดภัย

     รถโดยสารใหม่ที่นำมาให้บริการมีขนาดความยาว 12 เมตร 3 มาตรฐาน ได้แก่ 1.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 VIP (ม.1ก) จำนวน 24 ที่นั่ง 2.รถโดยสารปรับอากาศ ชั้น 1 พิเศษ (ม.1พ) จำนวน 32 ที่นั่ง และ 3.รถโดยสารปรับอากาศชั้น 1 (ม.1ข) จำนวน 36 ที่นั่ง ใช้เครื่องยนต์มาตรฐาน Euro 5 ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษทางอากาศ และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง มีระบบความปลอดภัยครบครัน อาทิ ระบบ GPS กล้อง CCTV และภายในรถจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายเช่น ห้องน้ำ ช่องเก็บสัมภาระ ช่องเสียบ USB สำหรับชาร์จไฟ และบริการ WIFI ฟรี โดยจะนำมาให้บริการประชาชนในทุกเส้นทางทั่วประเทศ เพื่อใช้ทดแทนรถโดยสารเช่าที่หมดสัญญาและรถโดยสาร บขส. ที่ปลดระวาง ปัจจุบัน บขส. มีรถโดยสารให้บริการทั้งหมด 254 คัน



      สำหรับการดำเนินการเช่ารถโดยสารใหม่ จำนวน 311 คัน ระยะเวลาเช่า 5 ปี วงเงินรวม 3,018,126,600 บาท โดยมี บริษัท อิทธิพร อิมปอร์ต จำกัด เป็นคู่สัญญา ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อแล้วเสร็จจะทยอยส่งมอบรถโดยสารแบ่งเป็น 4 งวด งวดแรกจะรับรถโดยสาร จำนวน 96 คัน และนำมาให้บริการประชาชนภายในเดือนกันยายน 2568 งวดที่ 2 ส่งมอบรถโดยสาร จำนวน 96 คัน ภายในเดือนตุลาคม 2568 งวดที่ 3 ส่งมอบรถโดยสาร จำนวน 78 คัน ภายในเดือนพฤศจิกายน 2568 และงวดที่ 4 ส่งมอบรถโดยสารจำนวน 41 คัน ภายในเดือนธันวาคม 2568


     นายอรรถวิท รักจำรูญ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในรอบปีที่ผ่านมา ประชาชนและผู้ใช้บริการ บขส. ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของการพัฒนาระบบขนขนส่งสาธารณะในทิศทางที่ดีขึ้น ตั้งแต่มีการพัฒนาสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ปรับปรุงห้องน้ำ ลิฟท์โดยสาร ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บริหารพื้นที่ชานชาลา โดยให้รถโดยสารออกตรงเวลา จัดการเดินรถเชื่อมต่อระบบบราง ขสมก. และเพิ่มจุดบริการรถแท็กซี่ให้บริการประชาชน


     ซึ่ง บขส. ต้องมีการปรับตัว รองรับการเดินรถระบบฟิดเดอร์ เชื่อมต่อการเดินทางทุกโหมด ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางราง และทางอากาศ อย่างไร้รอยต่อ สอดคล้องกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศของกระทรวงคมนาคม และให้เกิดประสิทธิภาพในการให้บริการประชาชนสูงสุดต่อไป รวมทั้งจะช่วยยกระดับคุณภาพการให้บริการประชาชนให้ได้รับประโยชน์สูงสุด สะดวก สบาย และปลอดภัย ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม

       สามารถสอบถามข้อมูลการเดินทาง หรือจองตั๋วของ บขส. ได้ที่เว็บไซต์ บขส. https///tcl9 9 webtransport.co.th, 

Application E - ticket, Facebook Page : บขส (www.facebook.com/BorKorSor99), 

Line : บขส.99 (id : @TCL99) 

และช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส.ทั่วประเทศ 



วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568

อวานี รัชดา กรุงเทพฯ ชวนฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ กับคอลเลคชั่น “Mid-Autumn Magic 2025”

อวานี รัชดา กรุงเทพฯ ชวนฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์

กับคอลเลคชั่น “Mid-Autumn Magic 2025” 

ของขวัญแห่งความโชคดีในทุกคำ

    โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ บริหารโดย AVANI ในเครือไมเนอร์ โฮเทลส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจของบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LANDร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลไหว้พระจันทร์ปีนี้ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นขนมไหว้พระจันทร์สุดพิเศษ “Mid-Autumn Magic 2025” ที่ถ่ายทอดเสน่ห์วัฒนธรรมดั้งเดิมควบคู่กับดีไซน์สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

     ขนมไหว้พระจันทร์ทุกชิ้นบรรจุในแพ็กเกจออกแบบพิเศษโดดเด่นด้วยโทนสีสดใสและถุงของขวัญเข้าชุดอันประณีต สื่อถึงความโชคดีและความงดงาม เหมาะสำหรับการมอบให้กับครอบครัว เพื่อน หรือเป็นของขวัญแทนใจในโอกาสทางธุรกิจ

     ขนมไหว้พระจันทร์ทุกชิ้นรังสรรค์จากวัตถุดิบคุณภาพระดับพรีเมียม โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ นำเสนอ 4 รสชาติที่ลงตัว ได้แก่

● ทุเรียนไข่เค็ม – เข้มข้น กลมกล่อม ผสานความหอมมันของทุเรียนกับไข่เค็ม

● ลูกบัวไข่เค็ม – รสชาติคลาสสิกเหนือกาลเวลา หวานละมุนพอดีคำ

● พุทราจีนไข่เค็ม – หวานธรรมชาติ ตัดรสเค็มนุ่มละมุนจากไข่แดง

● ชาเขียวและถั่วพิสตาชิโอ – หอมละมุนกลิ่นชาเขียว เติมเต็มด้วยความมันของถั่วพิสตาชิโอ รสชาติร่วมสมัย

     คอลเลคชั่นนี้มีทั้งแบบ ชิ้นเดี่ยว ราคาเริ่มต้น 188 บาทสุทธิ และ กล่อง 4 ชิ้น ราคา 1,288 บาทสุทธิ พร้อมบรรจุภัณฑ์ดีไซน์เก๋  ที่เหมาะทั้งสำหรับการรับประทานเองและการส่งมอบความประทับใจในเทศกาลพิเศษ

     ขนมไหว้พระจันทร์ “Mid-Autumn Magic 2025” วางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม – 6 ตุลาคม 2568 ที่ เดอะ แพนทรี และห้องอาหารจีน หนาน หยวน โรงแรมอวานี รัชดา กรุงเทพฯ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

LINE Official Account: @avaniratchada

โทรศัพท์: +66 2 641 1500

อีเมล: dining.vrat@avanihotels.com

#CPLAND #ซีพีแลนด์ #CPLANDคุณภาพทุกชีวิต #คุณภาพเพื่อทุกชีวิต #AccessibleCommunitiesforLife  #AVANIRatchada #AVANI #MidAutumnMagic2025 #Mooncake2025 #เทศกาลไหว้พระจันทร์ #LuxuryMooncake



 

 

       

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568

“จตุพร” รมว.กระทรวงพาณิชย์ มอบ 21 รางวัล Thai Hom Mali Rice Award 2024

“จตุพร” รมว.กระทรวงพาณิชย์ มอบ 21 รางวัล Thai Hom Mali Rice Award 2024 

เชิดชู เกษตรกร-สถาบันเกษตรกร มุ่งมั่นในการรักษาและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทย จนเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

     DIT กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ จัดพิธีมอบรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย ประจำปี 2567 (ครั้งที่ 42) ณ ห้องบุรฉัตรไชยากร กระทรวงพาณิชย์ โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธี เมื่อวันพุธที่ 3 กันยายน 2568 เพื่อยกย่องและเชิดชูเกษตรกรและสถาบันเกษตรที่มีความมุ่งมั่นในการรักษาและพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิไทยให้คงความมีอัตลักษณ์เฉพาะตัว และมีความอร่อยจน เป็นที่ยอมรับ ในระดับสากลตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ต้องการข้าวคุณภาพสูง พร้อมเชื่อมโยงการตลาด สร้างมูลค่าเพิ่ม ส่งเสริมการกระจายรายได้สู่ชุมชนและเปิดช่องทางจำหน่ายอย่างยั่งยืนให้กับชาวนาไทย

     นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ข้าว เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศ สร้างการเติบโตทั้งในเชิงคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศตลอดมา กระทรวงพาณิชย์จึงให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสินค้าข้าวไทยตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ โดยกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายสำคัญเร่งด่วน ตามแนวทาง “ไทยทำ ไทยใช้ ไทยช่วยไทย” เพื่อให้กระทรวงพาณิชย์เป็น “พาณิชย์พึ่งได้” โดยการสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานราก โดยเฉพาะในภาคการเกษตรซึ่งเป็นรากฐานของประเทศ  นอกจากนี้  ยังมีการยกระดับข้าวไทย เพิ่มมูลค่า สร้างแบรนด์ข้าวไทยและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในตลาดสากล เป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริม รักษา และขยายโอกาสทางการตลาดให้กับข้าวไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน


   การประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทยประจำปี 2567 มีเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรจาก 22 จังหวัด ส่งตัวอย่างเข้าร่วมประกวดรวม 755 ตัวอย่าง ผ่านการคัดเลือกจากผู้ทรงคุณวุฒิจนได้ผู้ได้รับรางวัลรวม 21 รางวัล แบ่งเป็น ประเภทสถาบันเกษตรกร 3 ราย และประเภทเกษตรกรรายบุคคล 18 ราย โดยประเภทสถาบันเกษตรกร รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนกลุ่มพัฒนาสตรี จ.กาฬสินธุ์ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนทำนาห้วยตาดข่า จ.อุดรธานี รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ วิสาหกิจชุมชนข้าวหอมมะลิงาม 105 จ.ร้อยเอ็ดสำหรับประเภทเกษตรกรรายบุคคล รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นายสมจิต แก้วนาเหนือ จ.ร้อยเอ็ด รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายกัณหา พาพิมพ์ จ.หนองคาย รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นางทองพูล โคกลือชา จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งผู้ได้รับรางวัลทุกประเภทได้รับโล่เกียรติยศ เกียรติบัตร และเงินรางวัล รวมมูลค่ากว่า 625,000 บาท

     ทั้งนี้ ภายในงานมีการจัดแสดงนิทรรศการและผลิตภัณฑ์ของผู้ชนะการประกวดข้าวหอมมะลิฯ การทำ MOU เชื่อมโยงการซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการค้าข้าวกับผู้ชนะการประกวด มีผลิตภัณฑ์ข้าวของผู้ชนะการประกวดฯ หลากหลายแบรนด์ ที่นำมาให้ชิมและจำหน่ายในราคาพิเศษ อาทิ ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ (ข้าวภูลังกา) และข้าวตราเรือไฟ จาก จ.นครพนม ข้าวตราช้างชุมพล จ.สุรินทร์ ข้าวนาคุณตาณรงค์ จ.อุบลราชธานี ข้าวจากกลุ่มข้าวปลอดสารพิษ ต.แม่อ้อ จ.เชียงราย และผลิตภัณฑ์ที่ต่อยอดจากข้าวหอมมะลิ เช่น ผลิตภัณฑ์ข้าวจากธัญพืช “พองพองไรซ์” ผลิตภัณฑ์นวัตกรรม “ข้าวแท่ง (Rice Bar)” ไอศกรีมข้าวหอมมะลิจากเกษตรกร จ.ฉะเชิงเทรา และเครื่องดื่ม MR.SATO ที่รังสรรค์จากข้าวไทย และความใส่ใจแบบคราฟต์ นอกจากนี้ ภายในงานยังมีพื้นที่สาธิตการตรวจสอบคุณภาพข้าวทางวิชาการโดยสำนักงานคณะกรรมการตรวจข้าว สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย


      นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รมว.กระทรวงพาณิชย์ กล่าวชื่นชมผู้ได้รับรางวัลที่ช่วยรักษาและยกระดับคุณภาพข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งต้องอาศัยความมานะอดทนและมุ่งมั่นพัฒนา ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงและปัญหาอุปสรรคนานัปการ โดยเฉพาะผลกระทบ จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่เป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก ความเข้มแข็งของเกษตรกรไทยนี้แสดงถึงขีดความสามารถในการปรับตัวที่จะทำให้ภาคการเกษตรไทยก้าวต่อไปได้อย่างยั่งยืน



“ผมขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลการประกวดข้าวหอมมะลิของประเทศไทย อันทรงเกียรติทั้ง 21 ท่าน ทุกท่านคือแบบอย่างของเกษตรกรไทย ที่มีส่วนสำคัญในการเป็นแรงบันดาลใจให้กับพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ส่งต่อพลังแห่งการพัฒนาที่ขับเคลื่อนข้าวหอมมะลิไทยสู่เวทีโลกอย่างภาคภูมิ” 


วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าเป็นสะพานบุญปกป้องอธิปไตยไทยต่อเนื่อง มอบเงินสนับสนุน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เดินหน้าเป็นสะพานบุญปกป้องอธิปไตยไทยต่อเนื่อง 

มอบเงินสนับสนุน 1 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ 

รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตยจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยปรับปรุงเส้นทางเคลื่อนย้ายยานเกราะฯ

     มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ พร้อมด้วย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ นายจารุรัตน์ คุณัตถานนท์ กรรมการและเหรัญญิก นายนิพนธ์ โชคภิรมย์วงศา กรรมการปฏิคม และ นายชาญกิจ วิทยาวรากรณ์ กรรมการ ร่วมในพิธีมอบความช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บ รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงของฐานที่มั่นในการปกป้องอธิปไตยจากเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมูลนิธิฯ มอบเงินจำนวน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน)  เพื่อปรับปรุงเส้นทางเคลื่อนย้ายยานเกราะฯ โดยมี พลเอก อุกฤษฎ์ บุญตานนท์ รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พลตรี ณัฐพงศ์ พรหมศร ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาภาค 5 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา พร้อมคณะ เป็นผู้รับมอบ พร้อมด้วย นางศิริพร กระจ่างหล้า ผู้จัดการฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และนายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัยมูลนิธิฯ ร่วมในพิธี  ณ อาคารอเนกประสงค์ ชั้น 2 สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ เขตดินแดง กรุงเทพฯ เมื่อวันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568

     เมื่อเกิดเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง โดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการ ได้เร่งมอบหมายให้คณะกรรมการ นำทีมสาธารณภัยลงพื้นที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ และศาลากลางจังหวัด และศูนย์พักพิงชั่วคราวในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่ผู้อพยพจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากนั้นได้เข้ามอบเงินปลอบขวัญ พร้อมกระเช้าสุขภาพ ให้แก่ประชาชน และทหารกล้าที่บาดเจ็บจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ที่พักรักษาตัวภายในโรงพยาบาลต่างๆ พร้อมประสานงานต่อเนื่องเพื่อดำเนินการขยายการช่วยเหลือ

     รวมงบประมาณที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ส่งต่อธารน้ำใจผู้มีจิตศรัทธา สู่ทหารกล้าและประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา นับตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงปัจจุบันคิดเป็นมูลค่ากว่า 4.89 ล้านบาท โดยมูลนิธิฯ ยังคงติดตามสถานการณ์เพื่อพิจารณาการให้ความช่วยเหลือตามนโยบายการดำเนินงานของแผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งต่อไป

    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคสมทบทุนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ดลบันดาลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญ สุขภาพแข็งแรงตลอดไป และขอส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่-อาสาสมัครทุกท่าน ทุกหน่วย ที่ปฏิบัติภารกิจ รวมถึงพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ขอให้ทุกท่านปลอดภัย และขอให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ววัน

     ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”

ติดต่อสอบถาม และติดตามข่าวสารกิจกรรม การช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง สามารถดูรายละเอียดช่องทางที่สะดวกได้ที่ https://linktr.ee/pohtecktung

## ป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต ## 

#แอปพลิเคชันป่อเต็กตึ๊ง1418 #ช่วยจริงอุ่นใจแม้ในนาทีฉุกเฉิน

#ป่อเต็กตึ๊ง ยึดมั่นอุดมการณ์ อยู่เคียงข้างทุกวิกฤต

#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด

ททท. จับมือ Fastwork จัดกิจกรรม “100 เดียวเที่ยวได้งาน” รอบสุดท้าย

ททท. จับมือ Fastwork จัดกิจกรรม “100 เดียวเที่ยวได้งาน” รอบสุดท้าย 

เจาะคนทำงานยุคดิจิทัล กระตุ้นเที่ยวไทย–หนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น


      การทำงานไม่จำเป็นต้องผูกติดอยู่กับโต๊ะทำงานอีกต่อไป แค่มีโน้ตบุ๊ก อินเทอร์เน็ต และวิวที่ใช่นั่นคือสำนักงานของคนรุ่นใหม่เพราะวันนี้ คนทำงานจำนวนมากเลือกที่จะออกเดินทางไปพร้อมกับงานในมือ เทรนด์ Workation จึงไม่ใช่แค่เรื่องแฟชั่นชั่วคราว แต่มันคือ วิถีชีวิตใหม่ของกลุ่มคนทำงานอย่าง Freelancers, Digital Nomads, Remote Workers และเจ้าของกิจการยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับ Work–Life Integration และในท่ามกลางกระแสดังกล่าว ประเทศไทยกลับกลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ใช่ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ธรรมชาติที่สวยงาม ค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล และบรรยากาศที่ช่วยรีเฟรชความคิดได้อย่างแท้จริง


เพื่อส่งเสริมเทรนด์นี้ให้ขยายผลเชิงเศรษฐกิจ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงเดินหน้าผลักดันกลยุทธ์ Workation Economy อย่างต่อเนื่อง โดยได้จับมือ Fastwork จัดกิจกรรม “100 เดียวเที่ยวได้งาน” ที่เป็นกลไกการตลาดสำคัญ ในการเชื่อมโยงแนวคิด Workation เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนทำงานรุ่นใหม่ที่ต้องการความยืดหยุ่นและสมดุลระหว่างชีวิตกับการทำงาน ผ่านการเลือกโลเคชั่นใหม่ ๆ ที่ช่วยเติมเต็มทั้งพลังใจและแรงบันดาลใจ



     จากความคุ้มค่าสู่แรงบันดาลใจของคนทำงาน กับกิจกรรม “100 เดียวเที่ยวได้งาน” ที่ถูกออกแบบมาเพื่อจุดประกายความฝัน สร้างแรงบันดาลใจ ในการทำงาน โดยเสนอขาย Voucher ด้านการท่องเที่ยว ในราคาเพียง 100 บาท ซึ่งหลังจากการเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าร่วมกิจกรรมในรอบแรกเมื่อ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา ได้รับเสียงตอบรับจากนักท่องเที่ยวอย่างล้นหลาม และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวร่วมกิจกรรมรอบสุดท้าย ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ผ่านทางเว็บไซต์ www.fastwork.co โดยเสนอขายสินค้าจากผู้ประกอบการทั่วไทยให้นักท่องเที่ยวได้เลือกมากมาย อาทิ ศรีพันวา, ทรีเฮาส์ วิลล่าส์, บาบา บีช คลับ หัวหิน ชะอำ ลักชัวรี พูลวิลลา บาย ศรีพันวา, ดิ อัยยะปุระ เกาะช้าง, โรงแรมซีทรู บาย เดอะ ซายน์, ริเวอร์แคว รีโซเทล, เลเจนด้า สุโขทัย รีสอร์ท, โอเอซิสสปา, สวนน้ำโคลัมเบีย พิคเจอร์ส อควาเวิร์ส และบาร์บีคิวพลาซ่า เป็นต้น

     สำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมสามารถสมัครสมาชิก Fastwork และดูรายละเอียดกติการได้ที่เว็บไซต์ www.fastwork.co และจะต้อง verify ทั้งอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ให้เรียบร้อยก่อนกดซื้อสินค้า นอกจากนี้ภายใต้โครงการยังเสนอสิทธิพิเศษส่วนลด สูงสุดกว่า 80% จากสถานประกอบการชั้นนำทั่วไทย สามารถดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ www.tourismthailand.org/workationthailand หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Line Official Account: @workationthailand

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้ เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568

มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ยากไร้ เนื่องในงานประเพณีทิ้งกระจาด ประจำปี 2568        มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง แจกจ่ายเครื่อง...